กูเกิ้ล เป็นเว็บไซต์ให้บริการที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดสำหรับค้นหาข้อมูล รูปภาพ เว็บไซต์ แผนที่ เป็นต้น โดยการกรอกคำสั้นๆที่สำคัญเพื่อใช้สำหรับค้นหา โดยกูเกิ้ลแบ่งการค้นหาเป็น 4 ประเภท คือ
– Web คือ การค้นหาเว็บไซต์ต่างๆทั่วโลก โดยการกรอก keyword เข้าไป กูเกิ้ลก็จะแสดงเว็บไซต์เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับ keyword ดังกล่าวที่ติดอันดับให้เรา
– Images เป็นการค้นหารูปภาพจาก keyword นั้นๆ
– News เป็นการค้นหาเนื้อหาหรือข้อมูลที่เป็นข่าว
– Web directory กูเกิ้ลได้ทำการจัดเว็บไซต์ต่างๆออกเป็นหมวดหมู่เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา
วิธีการค้นหาอย่างรวดเร็ว เนื่องจากถ้าหากเราได้ป้อน keyword ที่กว้างมากไป กูเกิ้ลก็จะตอบกลับด้วยจำนวนเว็บไซต์ที่มากมาย โดยส่วนใหญ่จึงไม่เป็นไปตามที่เราต้องการทำให้เสียเวลาในการเลือกหาอีก
– ใช้เครื่องหมาย + แทนคำที่เป็นตัวเชื่อม เช่น of ,at ,on ,with ,to when เป็นต้น โดยต้องเว้นวรรค 1 ครั้งหน้า + ด้วย เช่น ถ้าเราจะทำการค้นหาหนังที่มีชื่อว่า Game of thrones โดยป้อนคำว่า Game of thrones เข้าไป กูเกิ้ลก็จะตอบกลับรายชื่อที่มีทั้ง game หรือ thrones กลับมา ซึ่งไม่ตรงกับที่เราต้องการ แต่ถ้าหากป้อนคำว่า Game +of thrones เข้าไป กูเกิ้ลก็จะแจ้งข้อมูลเฉพาะที่เราต้องการกลับมา
– ใช้เครื่องหมาย – จะเป็นการตัดในสิ่งที่เราไม่ต้องการออก เช่น ถ้าหากเราสนใจที่จะไปเที่ยวภูเขาที่ไม่ใช่จังหวัดเลย ก็จะป้อนคำว่า เที่ยวภูเขา -เลย กูเกิ้ลก็จะส่งรายละเอียดการไปเที่ยวภูเขามาให้โดยที่ไม่มีจังหวัดเลย
– ใช้คำว่า or เป็นการทำให้กูเกิ้ลหาข้อมูลให้เรามากขึ้น เช่น ถ้าหากเราต้องการเที่ยวภูเขาจังหวัด นครนายกหรือโคราชก็ได้ ให้ป้อนคำว่า เที่ยวภูเขา นครนายก or โคราช เราก็จะได้ข้อมูลการเที่ยวภูเขาของทั้ง 2 จังหวัดตามต้องการ
ดังนั้นแล้วถ้าหากเรารู้จักใช้เครื่องมือในการค้น หาให้เป็นแล้วก็จะช่วยให้เราได้ข้อมูลหรือเว็บไซต์ที่ถูกต้องแม่นยำในเวลา อันรวดเร็วมากขึ้นโดยกูเกิ้ลจะเป็นฝ่ายกรองให้เราเอง